เริ่มจากงานเบาๆ ง่ายๆ กันก่อน โดยการนำสิ่งของที่ไม่มีประโยชน์ต่อการเดินทางไกลออกนอกรถ เช่น บรรดานิตยสารเล่มโตฉบับเก่าๆ อัลบั้มเทปที่ตกสมัยแต่ซุกเก็บไว้จนลืมฟัง ทำแบบนี้จะช่วยลดน้ำหนักที่รถต้องรับภาระ อันส่งผลให้ประหยัดน้ำมันด้วย อีกทั้งควรถือโอกาสนี้ขจัดขยะจุกจิกในรถ อาทิ เปลือกผลไม้ ถุงห่อขนม ไปในคราวเดียวกันเลย เพื่ออนามัยของเราเอง จากนั้นให้ทดสอบทุกระบบเบื้องต้นของรถ ดูว่าทำงานเป็นปกติหรือไม่ เช่น ไฟเลี้ยว ไฟเบรก ไฟถอยหลัง ฯลฯ สำหรับก้านปัดน้ำฝนต้องทดลองรีดน้ำกันจริงๆ เพราะบางครั้งตัวก้านเคลื่อนไหวได้ดี แต่ตัวยางรีดน้ำเสื่อมไปแล้วก็มี พร้อมกันนั้นก็สำรวจภายนอกรถโดยรอบ เช่น น็อตยึดล้อคลายตัวหรือยังกันชนยังติดแน่นกับตัวถังหรือไม่
           และที่สำคัญคือ เรื่อง ยาง ซึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่เป็นสำคัญ จะต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน ตั้งแต่ดอกยาง ต้องดูว่าสึกมากเกินไปหรือไม่ บริเวณหน้ายาง แก้มยาง มีรอยถูกบาดหรือตำทะลุหรือไม่ความดันลมยางทั้ง 4 เส้น ได้มาตรฐานพอที่จะฝากชีวิตไว้ได้ไหม และจะต้องไม่ลืมเช็คยางอะไหล่ด้วย ซึ่งควรเติมลมให้มากกว่าปกติ 5–10 ปอนด์/ตารางนิ้ว  เผื่อไว้ในกรณีลมซึมออกก่อนใช้ และหากจำเป็นต้องใช้ก็เพียงแต่ระบายลมยางส่วนที่เกินออกไป

           สำหรับการตรวจสอบในส่วนเครื่องยนต์ โดยเฉพาะผู้ที่ขาดประสบการณ์ หรือความรู้เกี่ยวกับเครื่องยนต์ควรขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพราะถ้าทำผิดพลาดไป เครื่องยนต์ที่ดีอยู่แล้วก็อาจจะพาลเสียหายได้ ดังนั้น จึงขอแนะนำการตรวจเช็คเครื่องยนต์ที่สามารถตรวจเช็คได้ด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้
           แบตเตอรี่ สังเกตที่ขั้วสาย ถ้าเกิดหลวมต้องขันให้แน่น ทั้งขั้วบวกและขั้วลบ จะต้องสะอาดอยู่เสมอ หากมีคราบขี้เกลือติดต้องขัดเช็ด หรือใช้น้ำร้อนราดออก แล้วตรวจสอบระดับน้ำกลั่น จะต้องอยู่ระดับสูงกว่าแผ่นธาตุเล็กน้อยเป็นดีที่สุด โดยอย่าให้ต่ำกว่าสัญลักษณ์ขีดล่าง หรือท่วมเกินขีดบนเด็ดขาด และดูที่รูระบายอากาศของฝาเติมน้ำกลั่น จะต้องไม่อุดตัน
           หม้อน้ำ ให้ไล่ดูตั้งแต่ยางชีลส์ และสปริงของฝาปิดหม้อน้ำ จะต้องมีสภาพสมบูรณ์ไม่ฉีกขาดหรือเสื่อมและเช็คถังพักน้ำอย่าให้มีรอยปริแตก จากนั้นตรวจสอบระดับน้ำ ถ้าขาดให้เติมลงถังพักน้ำ เพราะเมื่อรถออกวิ่ง น้ำในถังพักน้ำจะไหลเข้าสู่หม้อน้ำเอง
           น้ำมันเครื่อง ให้ตรวจเช็คจากบริเวณปลายก้านวัดระดับน้ำมันเครื่องซึ่งจะบอกถึงระดับน้ำมันเครื่องที่มีอยู่ในอ่างน้ำมันเครื่อง ระดับของน้ำมันเครื่องควรอยู่ในช่วงระหว่างอักษร F (สูงสุด) กับ L (ต่ำสุด) หากมีระดับต่ำกว่า L ให้เติมน้ำมันเครื่องประเภทและรุ่นเดียวกับที่ใช้ในปัจจุบันลงไป แล้วค่อยใช้ก้านวัด
           รังผึ้ง ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กัน ควรมีรูโปร่งเพื่อให้ระบายความร้อนได้ดี หากอุดตันให้ใช้น้ำฉีดไล่สิ่งสกปรกจากทางด้านเครื่องยนต์ออกมา เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นไปเปียกในส่วนอื่นๆ
           น้ำล้างกระจก ควรเติมให้เต็มไว้ก่อน และตรวจสอบหัวฉีด หากมีฝุ่นอุดตัน ใช้เข็มปลายแหลมแทง