[TIME2014] เมอร์เซเดส-เบนซ์ เสริมไล์ซี-คลาส เอสเตท พร้อมเพิ่มเครื่องยนต์ดีเซลไฮบริดเอาใจลูกค้า
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทยเดินหน้าเอาใจลูกค้าที่ชื่นชมการขับรถยนต์หรูหราด้วยตัวเอง ด้วยการเพิ่มไลน์ซี-คลาส เอสเตท เพิ่มทั้งเสริมเครื่องยนต์ดีเซล ไฮบริดให้กับทั้งโฉมซาลูนและเอสเตท ก่อนเปิดไลน์ผลิตปีหน้า
ค่ายรถยนต์หรู เมอร์เซเดส-เบนซ์ เดินหน้าทำตลาดรถยนต์ซี-คลาสใหม่อย่างเต็มที่ ท่ามกลางข่าวคราวการเตรียมความพร้อมในการเปิดสายการผลิตในประเทศไทยปีหน้า โดยได้เปิดตัวซี-คลาส เอสเตทอย่างเป็นทางการ และเสริมไลน์เครื่องยนดีเซล ไฮบริด ที่ใช้มาแล้วในรุ่นพี่ทั้ง 2 รุ่น
การเปิดตัวซี-คลาส ไฮบริด คือการเติมเต็มพอร์ตฟอลิโอของรถยนต์ไฮบริด ดีเซลของเมอร์เซเดส-เบนซ์ให้ครบทุกรุ่นหลักที่จำหน่ายในประเทศไทย มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบที่ผสานการทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการประหยัดเชื้อเพลิงและลดมลพิษ
ทุกครั้งที่ชะลอความเร็วหรือเบรก มอเตอร์ไฟฟ้าจะทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์แปลงพลังงานจลน์ที่เหลืออยู่ในระบบขับเคลื่อนให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าสะสมไว้ในแบตเตอรี่ลิเธี่ยม-ไอออน เพื่อเก็บสำรองไว้และนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ทำให้สามารถผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 6 ได้
รถยนต์ทั้ง 2 รุ่นยังได้เพิ่มความสปอร์ตเร้าใจด้วยชุดแต่งเอเอ็มจี ที่ประกอบไปด้วย ล้ออัลลอยเอเอ็มจี 18 นิ้ว แบบ 5 ก้าน ชุดแต่งรอบคัน พร้อมด้วยระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ปรับให้ต่ำกว่ารุ่นมาตรฐาน กระจังหน้าแบบสปอร์ตพร้อมโลโก้ตราดาวขนาดใหญ่ การดกแต่งภายในที่หรูหราผสานความดุดัน
เครื่องยนต์ที่ใช้ยังคงเป็นเครื่องยนต์ดีเซล แถวเรียง 4 สูบ เทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ขนาด 2,143 ซีซี. ทำงานประสานกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้กำลังสูงสุด 204 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-1,800 รอบต่อนาที
ดุดันด้วยอัตราเร่งดุเดือดจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียง 6.4 วินาทีในรุ่นซาลูนและ 6.7 วินาทีในรุ่นเอสเตท และสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 244 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรุ่นซาลูนและ 238 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในรุ่นเอสเตท โดยให้อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ยอดเยี่ยม
ในรุ่นซาลูนตกแต่งภายในให้เน้นความหรูหราเพิ่มขึ้น แต่คงความสปอร์ตเอาไว้ โดดเด่นด้วยแผงคอนโซลกลางที่สร้างเป็นชิ้นเดียวกับพนักวางแขน แป้นสัมผัสติดตั้งบริเวณที่พักแขน ช่วยให้สามารถควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ภายในตัวรถเพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
ขณะที่รุ่นเอสเตทซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของประเทศไทย โดดเด่นด้วยรูปทรงภายนอกที่เน้นทั้งความสวยงามและประสิทธิภาพเหนือชั้น ห้องโดยสารภายในกว้างขวางและประกอบด้วยอุปกรณ์อันทันสมัย โดยเฉพาะระบบเปิด-ปิดฝาท้ายแบบอัตโนมัติก็ติดตั้งมาให้
แผ่นปิดที่เก็บสัมภาระด้านท้าย แบบดึงกลับ-เลื่อนเปิดขึ้นอัตโนมัติ และระบบควิกโฟลด์ปรับที่นั่งผู้โดยสารด้านหลังออกเป็น 1/3 : 2/3 ตอนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย เบาะกลางสามารถพับแยกหรือพับพร้อมกับเบาะตัวอื่นไปด้านหน้า ทำให้รถยนต์รุ่นนี้มีพื้นที่เก็บบรรทุกสัมภาระด้านหลังถึง 450-1,470 ลิตร
เคาะราคาจำหน่ายสำหรับรุ่นซาลูนที่ 3.19 ล้านบาทและ 3.39 ล้านบาทสำหรับรุ่นเอสเตท โดยพร้อมที่จะเปิดรับจองและรับรถได้ทันทีสำหรับรุ่นซาลูน ส่วนรุ่นเอสเตทไม่เกินเดือนมกราคม 2558 ก็พร้อมส่งมอบเช่นกัน!!!
บทความจากเว็บ autospinn.com