New Mercedes-Benz E 300 BlueTEC HYBRID ราคา เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด
โดยสำหรับ Mercedes-Benz E 300 BlueTEC HYBRID ในเวอร์ชั่นของปี 2014 นั้นถือว่ามีประสิทธิภาพด้วยการอาศัยเครื่องยนต์ 4 สูบรุ่นใหม่พร้อมระบบฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงโดยตรงที่ช่วยในการออกตัวของ E-Class ใช้วิธีการที่เป็นระบบเพื่อให้ตรงวัตถุประสงค์ของการพัฒนา ทำให้ได้กำลังส่งเพิ่มขึ้นขณะที่อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลง เป็นอุปสรรคที่ต้องฝ่าฝันให้สำเร็จ ฉะนั้นเครื่องยนต์ทุกรุ่นจึงเป็นผลสำเร็จจากการผสมผสานกันของความว่องไวและการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เหนือชั้น โดยมีสเปกเป็นเครื่องยนต์เเบบ 4 สูบ เเถวเรียง ขนาดความจุ 2,143 ซีซี โดยสามารถให้กำลังสูงสุดถึง 150 เเรงม้าที่ 4,200 รอบต่อนาที เเละมีเเรงบิดสูงสุดที่ 500 นิวตันเมตรที่ 1,600-1,800 รอบต่อนาที โดยมีอัตรากำลังอัดอยู่ที่ 16.2 : 1 เเละสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 253 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยมีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายในเวลา 7.5 วินาที โดยมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย 16.4-17.2 กิโลเมตรต่อลิตร พร้อมกับอัตราปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 135-142 กรัมต่อกิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นทางด้านนวัตกรรมไว้เพื่อเข้าใกล้กับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นั่นคือการขับขี่แบบไร้มลพิษ: เนื่องจากประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้ E-Class เป็นหนึ่งในรุ่นที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดในคลาส E 300 BlueTEC HYBRID คืออีกหนึ่งระดับในด้านการประหยัดพลังงาน การพัฒนาอย่างยั่งยืน และความสะดวกสบาย เเละความเงียบสงบ และความผ่อนคลายตลอดการเดินทางไกล: เครื่องยนต์แบบเผาไหม้ภายในจะสามารถดับลงได้เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำกว่า 160 กม./ชม. ซึ่งจะช่วยลดทั้งอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงและการปล่อยไอเสียอย่างยั่งยืน พร้อมกับค่าการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงและการส่งกำลังอันเป็นที่น่าพอใจ: การทำงานร่วมกันของมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ คือหนึ่งในระบบขับเคลื่อนแบบประหยัดพลังงานมากที่สุดในคลาส อีกทั้งแสดงถึงความปราณีตไร้ที่ติ
นอกจากนี้เเล้ว เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด ยังมีระบบขับเคลื่อนที่ล้ำสมัยโดยมีแบตเตอรี่ลิเธียมไออนประสิทธิภาพสูงขนาดกะทัดรัดจะคอยเก็บพลังงานที่ได้จากมอเตอร์ไฟฟ้าและการจ่ายพลังงานคืนจากการเบรกและสามารถนำมาใช้งานได้เมื่อจำเป็น ส่วนประสิทธิภาพสูงที่สุงขึ้นก็จะได้รับจากอิเล็กทรอนิกส์กำลัง ซึ่งจะเชื่อมโยงการทำงานที่เหมาะสมระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ ชุดผลิตกระแสไฟฟ้าจะคอยช่วยเหลือเครื่องยนต์ดีเซลโดยการเพิ่มแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันต่อเมตร โดยในส่วนของระบบเบรกแบบจ่ายพลังงานคืนจะเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในแบตเตอรี่เมื่อรถเริ่มวิ่งช้าลง ฟังก์ชันการสตาร์ต/หยุดแบบประหยัดพลังงานจะสามารถดับเครื่องยนต์แบบเผาไหม้ภายในได้ เช่น เมื่อหยุดตรงสัญญาณไฟจราจร จากนั้นจะสตาร์ตอีกครั้งโดยอัตโนมัติโดยอาศัยพลังงานไฟฟ้าที่เก็บไว้ เเละมีแนวคิดที่ก้าวล้ำนำหน้านานัปการ เช่น นวัตกรรมด้านอากาศพลศาสตร์ การจ่ายพลังงานคืนด้วยการเบรกและฟังก์ชันการสตาร์ต/หยุดแบบประหยัดพลังงานทำให้ได้คุณลักษณะที่ดีเยี่ยมตามมา นอกจากนี้เเล้วยังมี ฟังก์ชัน “Sailing+” เพิ่มเติมซึ่งสามารถเปิดใช้งานได้แบบกำหนดเองโดยใช้ปุ่มเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย จะสามารถลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงได้มากขึ้น การนำพลังงานกลับมาใช้อีกจะลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากเครื่องยนต์แบบเผาไหม้ภายในยังคงดับอยู่ โดยการใช้พลังงานจากชุดขับเคลื่อนทั้งสอง ฟังก์ชันเสริมกำลังจะสามารถเพิ่มความเร็วได้เมื่อเร่งความเร็ว เมื่อชาร์ตไฟแบตเตอรี่ลิเธียมไออนที่อยู่ในห้องเครื่องยนต์ ควรผู้โดยสารภายออกจากรถให้หมด
ส่วนระบบขับเคลื่อนนั้น Mercedes-Benz E 300 BlueTEC HYBRID มาพร้อมกับระบบเกียร์เเบบ เกียร์อัตโนมัติ 7 เกียร์เดินหน้า 7G-TRONIC PLUS โดยมีอัตราทดเกียร์ธรรมดาอยู่ที่ 5.01/2.83/1.79/1.26/1.00/0.83/R 4.57 ส่วนอัตราทดเกียร์อัตโนมัติอยู่ที่ 4.38/2.86/1.92/1.37/1.00/0.82/0.73/R1 3.42/R2 2.23 ส่วนอัตราทดเฟืองท้ายอยู่ที่ 3.07 โดยมีช่วงล่างขั้นเทพที่ด้านหน้ามีระบบกันสะเทือนเเบบ แบบ Direct Control พร้อมระบบกันสะเทือนปรับระดับตามสภาพถนน ทั้งที่ด้านหน้าเเละด้านหลัง ส่วนที่ล้อคู่หน้านั้นเป็นเเบบ ระบบกันสะเทือนแบบทรีลิงค์ (แขนยึดสามจุด) ส่วนล้อคู่หลังเป็นเเบบ ระบบกันสะเทือนแบบมัลติลิงค์ (แขนยึดหลายจุด) พร้อมด้วยระบบเบรกด้านหน้าเเบบ ดิสก์เบรก แบบมีครีบระบายความร้อน ส่วนด้านหลังเป็นดิสก์เบรก
สำหรับการออกเเบบภายนอกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด นั้นในส่วนหน้ามีการดีไซน์ใหม่เพิ่มความคล่องตัวด้วยฝากระโปรงหน้าแบบรูปทรงลิ่มที่รวมเข้ากับขอบยึดหม้อน้ำ และไฟหน้ารูปแบบใหม่ให้ความรู้สึกคล้ายถูกหล่อรวมเป็นชิ้นเดียวกัน ไฟหน้าคู่ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของ E-Class ได้ถูกผสานเข้ากันเป็นไฟหน้าดวงเดียวอย่างงดงาม แต่ยังคงความประสิทธิภาพตามแบบฉบับดั้งเดิม ไฟหน้า LED แบบมาตรฐานที่ผสานความปลอดภัยและความประณีตงดงามได้อย่างลงตัว และรูปแบบของกันชนหน้าแบบปีกนกทำให้ขอบรถส่วนล่างดูหรูหราและสง่างาม เเละเมื่อมองจากด้านข้าง จะเห็นเส้นสายทะยานขึ้นไปสู่ส่วนหลัง เพิ่มความนุ่มลึกด้วยเส้นนำสายตาในประตูด้านหลัง ช่วยขับเคลื่อนพลังของรถไปสู่ด้านหน้า ท้าทายสายตาของผู้พบเห็นทันทีที่ได้ยลโฉม ฐานล้อที่กว้างและช่วงหน้ารถที่สั้นทำให้ยังคงรูปลักษณ์ที่เป็นสัดส่วนในแบบฉบับของ saloon อย่างแท้จริง ส่วนไฟท้ายจัดแบ่งวางตัวในแนวนอนอย่างลงตัว และสีดำที่สอดประสานลงในกันชนหลังขนาดกะทัดรัดช่วยขับเน้นให้รถกว้างขึ้น ไฟท้ายใช้เทคโนโลยี LED ที่ทำจากหลอดไฟ LED ใยแก้วนำแสงบางส่วน ทำให้ความเข้มข้นของแสงแตกต่างออกไปตามการใช้งานของไฟส่องสว่างแต่ละฟังก์ชัน
สำหรับภายในของ Mercedes-Benz E 300 BlueTEC HYBRID นั้นทันทีที่เพื่อนๆ ก้าวเข้าสู่ตัวรถ ท่านจะรู้สึกราวกับว่าท่านกำลังอยู่ในสถานที่สุดพิเศษเหนือใคร E-Class รูปแบบใหม่ ประกอบด้วยชุดตกแต่งภายในที่หรูหราสอดรับกับความเป็นตัวคุณอย่างลงตัว และทำให้การดื่มด่ำกับความผ่อนคลายสบายอารมณ์เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับคุณ ด้วยแผงตกแต่งอลูมิเนียม รวมถึงนาฬิกาอะนาล็อกบนคอนโซลกลางที่มีเสน่ห์ดึงดูดใจสะท้อนวัฒนธรรมในการขับขี่และนำความละเอียดประณีตมาสู่ห้องโดยสาร นอกจากนี้ ยังมีแผงหน้าปัดแบบ 3 ส่วน รูปแบบใหม่ และหน้าจอแสดงผลชุดหลักในกรอบแบบเรียบที่ช่วยสะท้อนนวัตกรรม ฟังก์ชันการทำงาน และความล้ำสมัยโดดเด่นกว่าใคร ส่วนภายในของห้องโดยสารก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะสะท้อนความเป็นตัวตนของคุณมากที่สุด ไม่เพียงแต่ประสบการณ์ที่ท้าทายสายตาเท่านั้น แต่ยังให้สัมผัสที่ล้ำเลอค่าอีกด้วย
ในส่วนของความปลอดภัยนั้นก็เรียกว่าไม่ต้องกังวลกันเลยทีเดียว เมื่อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี 300 บลูเทค ไฮบริด มาพร้อมกับระบบความปลอดภัยชั้นยอดทั้งระบบช่วยแนะนำการนำรถเข้าจอด PARKTRONIC, ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรก (ABS), ระบบควบคุมการลื่นไหล (ASR) เเละมี ATTENTION ASSIST พร้อมกับระบบช่วยเบรก (BAS) ดดยเสริมด้วยระบบเบรกปรับได้ ADAPTIVE BRAKE พร้อมกับฟังก์ชัน HOLD เเละระบบ ESP โดยมีกล้องมองหลังพร้อมการแสดงเส้นนำแบบไดนามิคบนจอภาพ นอกจากนี้เเล้วก็ยังมีถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า เเละพนักพิงศีรษะแบบ NECK-PRO ของเบาะที่นั่งด้านหน้า โดยเสริมด้วยถุงลมนิรภัยบริเวณเชิงกรานสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าเเละถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า รวมทั้งถุงลมนิรภัยชนิดหน้าต่างสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารอีกด้วย
สำหรับ ราคา Mercedes-Benz E 300 BlueTEC HYBRID ในเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุดนั้น ก็ทราบมาว่าจะมีการเคาะราคาขายกันออกมาที่ 3,390,000 บาท เรียกว่าเป็นราคาที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว
บทความจากเว็บ autoyim.com