มาลอง 2014 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส สุดมันที่ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต

 

  ปกติแล้วการทดสอบรถยนต์ในสนามทดสอบมาตรฐานระดับโลกนั้นไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย ๆ เพราะจะจัดกันก็ต้องเดินทางไปต่างประเทศ แต่ไม่ใช่กับการทดสอบครั้งล่าสุด เมื่อเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จัดการทดสอบ 2014 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส กันที่สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต หรือ ซีไอซี

   ซีไอซีคือสนามแข่งรถยนต์แห่งใหม่ล่าสุดที่ได้รับการรับรองจากเอฟไอเอให้จัดการแข่งขันรถยนต์ได้ทุกรูปแบบ และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในฐานะผู้สนับสนุนรายใหญ่ ก็ได้ใช้สนามนี้ในการทดสอบรถยนต์ยอดนิยมอย่างซี-คลาสใหม่ ทั้งซี180 เอ็กซ์คลูซีฟและซี250 เอเอ็มจีเป็นแบรนด์แรก

   เมอร์เซเดส-เบนซ์เองก็เอาจริงกับการทดสอบครั้งนี้อย่างมาก เพราะนี่ถือเป็นการทดสอบเดอะ นิว ซี-คลาส เป็นครั้งแรกหลังจากเปิดตัวมาตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์ต้นปี และขนรถมาให้ทดสอบทั้งรุ่น ซี180 เอ็กซ์คลูซีฟ ที่ราคาจำหน่าย 2.79 ล้านบาทและซี250 เอเอ็มจี ที่แพงกว่าเล็กน้อยที่ 3.19 ล้านบาท

 

    รถยนต์ทั้งหมดที่นำมาทดสอบและจำหน่ายอยู่ในขณะนี้ คือรถยนต์นำเข้าทั้งหมด เนื่องจากกว่าที่จะเริ่มทำการผลิตรถรุ่นนี้ในโรงงานประเทศไทย ก็น่าจะปาเข้าไปช่วงปีหน้าไปแล้ว แต่รถคันนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จด้วยยอดจองที่มีเข้ามาแล้วกว่า 1,000 คันนับถึงปัจจุบัน

ขณะที่ตัวรถเองมีจุดเด่นหลายจุด ที่แสดงให้เห็นว่าการออกแบบรถยนต์ขนาดเล็กของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้น พัฒนาไปแล้วอีกขั้นนึง…

 

    ภายนอกสวยสด เพิ่มส่วนโค้งดึงดูดสายตา

   จากรถยนต์รุ่นเล็กหน้าตาเชยเชยที่มาพร้อมเส้นสายแข็ง ๆ ในรุ่นที่ผ่านมา ซี-คลาสใหม่ได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้มีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตาผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการเพิ่มเส้นโค้งรอบตัวรถในตำแหน่งต่าง ๆ ที่ทำให้รถดูลู่ลมและพริ้วไหวเพิ่มมากขึ้น

   ความแตกต่างระหว่างรถ 2 รุ่นที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คงจะเป็นกระจังหน้าที่แตกต่างกัน โดยในรุ่นท๊อปมาพร้อมกระจังหน้าซี่ใหญ่ที่มาพร้อมโลโก้ขนาดใหญ่บนกระจัง ขณะที่รุ่นล่างเป็นกระจังหน้าลายซี่ที่สามารถเปิดปิดเพื่อเพิ่มการไหลผ่านของอากาศได้ และโลโก้ตราดาวแบบลอยตัวที่กึ่งกลางฝากระโปรง

   ไฟหน้าที่โดดเด่นและดุดันแบบแอลอีดี หน้าตาคล้าย ๆ กัน แต่แตกต่างในรายละเอียดที่ลูกเล่นของไฟหน้าจะมีเพิ่มขึ้นในรุ่นบน มาพร้อมไฟเดย์ไทม์แบบแอลอีดีไฟเบอร์ ออพติคที่สวยงาม ขณะที่ไฟหลังแบบแอลอีดีนั้น ดูเล็กไปเล็กน้อยแต่ก็ให้การส่องสว่างที่ชัดเจน

  ล้อแมกซ์แบบหลายก้านขนาด 17 นิ้วในรุ่นล่างและล้อแมกซ์ 5 ก้านจากเอเอ็มจีในรุ่นบน ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของรถ 2 คันนี้มีความแตกต่างกันพอสมควร ยิ่งมารวมกับชุดแต่งของเอเอ็มจีในส่วนของกันชนหน้า-หลังและสเกิร์ตข้าง ยิ่งทำให้รุ่นท๊อปดุดันขึ้นไปอีก

ความพริ้วไหวของรถที่แสดงออกมาผ่านลายเส้นรอบคันที่ถึงแม้จะแสดงผ่านเส้นที่มีความโค้งมน แต่ด้วยมิติของการออกแบบก็ทำให้รถคันนี้มีความสปอร์ตและดุดันเพิ่มจากรถรุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด และเพิ่มความโอ่อ่าหรูหราขึ้นมาอย่างชัดเจน

 

    เครื่องยนต์ตอบสนองทันใจ พร้อมระบบสนับสนุนความสนุก

 เครื่องยนต์และระบบสนับสนุนที่ถูกติดตั้งมาในรถทั้ง 2 รุ่นคือหัวใจสำคัญอีกด้านของการพัฒนารถคันนี้เพื่อออกมาตอบสนองกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป เรียกว่าหากเป็นแม่บ้านต้องการขับขี่ไปซื้อของก็เลือกไปทาง แต่หากอยากซิ่งขับสนุกก็มาอีกทางได้เลย

   ในรุ่นล่างมาพร้อมเครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบ ขนาด 1,595 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้าที่ 5,300 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 8.5 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุด 223 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

   ในรุ่นใหญ่ใช้เครื่องยนต์แถวเรียง 4 สูบเหมือนกัน แต่เป็นขนาด 1,991 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้าที่ 5,500 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1,200-4,000 รอบต่อนาที วิ่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 6.6 วินาที พร้อมทำความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

 

    การส่งกำลังยังทำผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ 7จี-ทรอนิก พลัส ซึ่งให้การตอบสนองอย่างรวดเร็วทันใจ โดยในรุ่น 180 อาจจะต้องรอเวลาในการเรียกพละกำลังสักอึดใจ ขณะที่ 250 นั้น ให้การตอบสนองอย่างรวดเร็วและจริงจังระดับกดเรียกเมื่อไหร่ก็มา

   ทีมงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์พยายามจะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของการเซตอัพระบบการขับขี่ที่ในคราวนี้จัดมาเต็มที่ จากปกติที่เบนซ์มักจะให้การปรับมาแค่ 3 โหมด อีโค คอมฟอร์ทและสปอร์ต แต่ในรุ่นใหม่นั้น มีโหมดสปอร์ต พลัสและโหมดปรับแต่งตามใจปรารถนาเพิ่มมาให้เรียบร้อย

   ความแตกต่างของโหมดการขับขี่นั้นจะอยู่ที่การเซตอัพระบบพวงมาลัยและการทำงานของเครื่องยนต์ ที่จะให้น้ำหนักของพวงมาลัย รวมไปถึงการตอบสนองที่แตกต่าง ซึ่งระดับของความดุดันจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่โหมดอีโค คอมฟอร์ท สปอร์ตและไปสูงสุดที่สปอร์ต พลัส นั่นเอง

 

    ภายในสวยหรู คุณค่าที่ลูกค้าคู่ควร

   ก่อนเปิดประตูเข้าสู่ห้องโดยสาร ขอให้คุณลูกค้าทุกท่านลืมภาพของห้องโดยสารภายในทรงเหลี่ยม ๆ แข็ง ๆ ทื่อ ๆ ในรุ่นก่อนหน้านี้ไปให้หมดเสียก่อน เพราะผมกำลังจะบอกว่า ภายในห้องโดยสารของซี-คลาสใหม่ คือหนึ่งในห้องโดยสารของรถยนต์ที่สวยที่สุดคันหนึ่งในยุคปัจจุบันนี้

   แม้จะนำเข้าองค์ประกอบของห้องโดยสารภายในเข้ามาให้ลูกค้าได้เห็นอย่างหลากหลายในเรื่องของสีและวัสดุของแผงคอนโซลหน้า รวมไปถึงเบาะที่นั่ง แต่โดยรวมแล้วต้องยกนิ้วโป้งให้กับทีมพัฒนาห้องโดยสารภายในที่ทำให้รถมีบรรยากาศของความหรูหราที่ลงตัวไม่มากหรือน้อยเกินไป

   แผงคอนโซลหน้าขนาดใหญ่ที่ดูมีมิติมากขึ้น และก็ดูโอบกระชับกับตัวผู้โดยสารมากขึ้นจากการออกแบบที่ให้พื้นที่ของคอนโซลกลางมากขึ้น โดยที่ไม่ได้มาเบียดบังตำแหน่งการนั่งของผู้โดยสารตอนหน้าแต่อย่างใด ทำให้ห้องโดยสารครึ่งหน้าให้อารมณ์ไม่แตกต่างจากค็อกพิทของรถสปอร์ตหลายรุ่น

 

     ตัววัสดุที่นำมาเลือกใช้ก็หรูหราเนี๊ยบไปหมด ส่วนสีสันจะสวยงามหรือเหมาะสมก็คงอยู่ที่เจ้าของ ถ้าเป็นผมเองคงเลือกห้องโดยสารภายในโทนสีเข้มที่ตัดกับสีเมทัลลิกในบางตำแหน่ง เบาะที่นั่งสีแดงตัดกับพื้นห้องโดยสารสีดำก็เท่ดีไม่หยอก

สีสันพวกนี้ไม่สามารถเลือกได้แบบเทรลเลอร์ เมดนะครับ เพียงแต่จะบอกว่าทีมงานของเมอร์เซเดส-เบนซ์ก็พยายามที่จะเลือกสรรอะไรแปลก ๆ ใหม่ ๆ เข้ามาให้กับบลูกค้ามากขึ้นแล้ว จากเดิมที่มักจะมีของเล่นในห้องโดยสารเพียงไม่กี่แบบ

 

    นอกเหนือจากความสวยงามแล้ว ในรถยังอัดแน่นด้วยของเล่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแป้นเมาส์ที่รองรับการสั่งการด้วยการเขียนตัวอักษรหรือตัวเลข แสดงผลผ่านหน้าจอขนาดใหญ่ตรงกลางคอนโซล ซึ่งทำให้การสั่งงานรถยนต์คันนี้ทำได้ง่ายดายขึ้น

   ในห้องโดยสารของรุ่นใหญ่นั้น มาพร้อมหลังคากระจกพาโนรามิก กลาสรูฟแบบ 2 ตอนสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและตอนหลัง ที่ทำให้รถดูหรูหราขึ้นไปอีกขั้นสำหรับรถยนต์ขนาดเล็ก แต่การเปิด-ปิดก็ยังต้องทำพร้อมกันอยู่ในห้องโดยสาร 2 ตอน เพราะฉะนั้นผู้โดยสารตอนหน้าและหลังต้องตกลงกันให้ดี

 

    ลองขับบนสนามทดสอบ บอกอะไรมากไม่ได้ แต่มันสุดสุด

ปกติแล้วการทดสอบขับรถในสนามทดสอบของประเทศไทยนั้น เรามักจะพบกับรถยนต์หรูหราหาได้ยากที่มีจำนวนอยู่เพียงไม่กี่คัน หรือไม่ก็ราคาแพงเวอร์จนไม่ควรจะเอาออกไปขับบนท้องถนน แต่ในกรณีของซี-คลาสน่าจะเป็นการเฉลิมฉลองสนามใหม่เป็นหลัก

ที่พูดนี่ไม่ใช่ไม่ชอบนะครับ เพียงแต่ว่าพอเราต้องไปขับตามอินสตรัคเจอร์วิ่งไปมาตามสเตชั่นที่กำหนด ทำให้เราไม่ได้ทำการทดสอบในแบบที่เราใช้อยู่ประจำ ก็เลยทำให้การจับอาการของรถจะออกไปตามที่คนจัดเขาอยากจะให้รู้สึกเสียเป็นส่วนใหญ่

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ความดีงามของรถลดน้อยลงไป ในช่วงการทดสอบแรก ทีมงานจัดเพื่อโชว์อาการของตัวรถในการเข้าโค้งและระบบช่วยทรงตัวรุ่นใหม่ ด้วยการจัดแทร็กทดสอบกัน ซึ่งแน่นอนครับว่าทำตามที่อินสตรัคเจอร์ว่าก็ผ่านฉลุยอยู่แล้ว

   ซึ-คลาสใหม่ทำการพัฒนาระบบช่วยทรงตัวของรถรุ่นใหม่ไปอีกขั้น ซึ่งทำให้ตัวรถออกอาการโคลงเคลงน้อยกว่าและมีความแม่นยำมากกว่าในการควบคุมรถเมื่อต้องเปลี่ยนเลนกระทันที่ความเร็วปานกลางที่ราว ๆ 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

รถยนต์รุ่นใหม่ให้การตอบสนองของช่วงล่างที่ดีกว่าทั้งความนุ่มนวล การควบคุม การบังคับเลี้ยว รวมไปถึงการเข้าโค้ง ซึ่งส่วนหนึ่งต้องยกให้เห็นความดีของทีมงานที่วางกรวยกำหนดเส้นทางวิ่งและจุดสังเกตอย่างชัดเจน

เครื่องยนต์รุ่นท๊อปให้การตอบสนองที่ยอดเยี่ยมในทุกโหมดการขับขี่ ขณะที่รุ่นล่างในโหมดคอมฟอร์ตอาจจะดูเป็นรถจ่ายตลาดเกินไปกว่าที่จะมาวิ่งอยู่ในสนามแข่งรถ การตอบสนองของเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรในโหมดสปอร์ตพลัสนั้น อาจจะทำให้ลืมไปได้ชั่วขณะว่าขับรถซีดานขนาดเล็กอยู่

 

    ตำแหน่งการนั่งของซี-คลาสใหม่ถือว่ามีการพัฒนาไปในทางที่ดี ด้วยการกำจัดจุดอับสายตารอบคันรถ พร้อมกับการเพิ่มจุดรองเข่าที่ตำแหน่งเบาะที่นั่งด้านหน้ามาให้ ขณะที่ผู้โดยสารตอนหลังอาจจะต้องนั่งชันเข่าเล็กน้อย แต่ก็ยังสะดวกสบายดี ด้วยที่ปรับอากาศพร้อมที่เก็บสัมภาระและที่วางแก้วน้ำที่ซ่อนได้อย่างมิดชิด

โดยสรุปรวมแบบคร่าว ๆ ซี-คลาสใหม่ถือเป็นรถที่พัฒนาขึ้นมาแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ในเรื่องของการออกแบบที่ดูโดดเด่นจนอาจจะทำให้คู่แข่งต้องเร่งมือกันสักเล็กน้อย ขณะที่เรื่องของการขับขี่ก็ให้การตอบสนองที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในโหมดสปอร์ตพลัสถือว่าดุดันใช้ได้

   เดี๋ยวพ้นจากช่วงนี้ไปคงต้องเอามาทดสอบในรูปแบบของผมกันอีกสักรอบ แล้วค่อยมาดูกันอีกทีในรายละเอียดอื่น ๆ แต่ถ้าใครใจร้อนอยากได้คำตอบว่าควรซื้อหรือไม่ ก็ตอบเลยว่ามีตังค์เติมน้ำมันก็จัดไปได้เลย แค่การออกแบบงาม ๆ ก็ดึงดูดใจได้มากพอตัวแล้ว

แต่ถ้าจะรอเวอร์ชั่นประกอบไทยเพราะคิดว่าจะถูกกว่า ก็แสดงความเสียใจกันตรงนี้เลย เพราะทีมงานบอกแล้วว่าไม่น่าจะทำราคาให้ถูกลงไปมากกว่านี้ได้กี่มากน้อย เพราะราคาที่ขายอยู่นี่ บริษัทแม่สนับสนุนมาฟัดเกรย์แบบเพียว ๆ ประกอบในนี้ก็ไม่ได้แตกต่างกันอย่างแน่นอน!!!

 

 

 

     รายละเอียดทางเทคนิค 2014 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส

รุ่น	เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี180 เอ็กซ์คลูซีฟ	เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี250 เอเอ็มจี
เครื่องยนต์	เบนซิน 4 สูบแถวเรียง	เบนซิน 4 สูบแถวเรียง
ขนาดเครื่องยนต์	1,595 ซีซี.	1,991 ซีซี.
กำลังสูงสุด	156 แรงม้า	211 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด	250 นิวตันเมตร	350 นิวตันเมตร
0-100 กม./ช.ม.	8.5 วินาที	6.6 วินาที
ความเร็วสูงสุด	223 กม./ช.ม.	250 กม./ช.ม.
ราคาจำหน่าย	2.79 ล้านบาท	3.19 ล้านบาท

 

 

บทความจากเว็บ autospinn.com