การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.กำลังจะเวียนกลับมาอีกรอบ แต่วิถีชีวิตของหนุ่มใหญ่ ฝีปากกล้าอย่าง ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ที่ออกมาประกาศกร้าวว่าไม่ขอลงแย่งชิงเก้าอี้ตัวนี้ (ท่ามกลางเหตุการณ์บ้านเมืองไม่สงบ) กลับยังมุ่งมั่นกับบทบาท หัวหน้าพรรคสู้เพื่อไทย พรรคการเมืองน้องใหม่ไม่เปลี่ยนแปลง คุณชูวิทย์เล่าว่าในช่วงหาเสียงชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ขณะนั้นรองเท้าที่เดินใส่หาเสียงก็สึกไปหลายคู่ และได้แผลเป็นที่เท้าเป็นที่ระลึกมาถึงทุกวันนี้
แต่สำหรับพาหนะคู่ใจคันเก่งแล้ว มีไม่มากอย่างที่หลายคนคิด เพราะคุณชูวิทย์ บอกว่ามีแค่ 3 คัน เอาไว้ใช้งานจริงเท่าที่จำเป็น และราคาไม่แพงด้วย วันนี้เลยขอเลือก เมอร์เซเดส-เบนซ์ เครื่องยนต์ 2,500 ซีซี รหัส W110 (เครื่องเดิม 2,000 ซีซี) หรือชื่อที่นิยมเรียกกันบ่อย ๆ ว่า รุ่นหางปลา
คุณชูวิทย์เล่าที่มาว่า เบนซ์หางปลาคันนี้เป็นรถฝังใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ สมัยเรียนอยู่ที่อัสสัมชัญ ศรีราชา ตอนนั้นได้อาศัยรถของพ่อเพื่อนไปเรียนบ่อย ๆ แล้วรู้สึกดีดูแล้วหรูหรามากในเวลานั้น แถมนั่งสบาย เบาะหน้าเป็นเบาะเดี่ยว นั่งไปคุยไป อบอุ่นดี เลยมีความคิดว่า ถ้ามีโอกาสจะต้องหามาเป็นเจ้าของให้ได้ แล้ววันหนึ่งไปเจอเจ้าเบนซ์หางปลาที่เต็นท์รถมือสอง ย่านรามอินทรา เมื่อ 7-8 ปีก่อน สอบถามเจ้าของเต็นท์ว่ารถคันนี้ยังขับได้หรือเปล่า พอได้รับคำตอบว่าขับได้ ผมไม่คิดมาก ตัดสินใจซื้อมาด้วยเงิน 8 หมื่นบาท
คุณชูวิทย์เล่าให้ฟังว่า ในสมุดทะเบียนเจ้าของเดิมของรถคันนี้เป็นนายทหาร ซื้อมาเมื่อปี พ.ศ. 2505 และใช้เพียงมือเดียว สภาพดี ผมนำมาปรับปรุงใหม่ เปลี่ยนสี จากน้ำตาลเป็นสีขาวไข่มุก เบาะหนังสีแดง พวงมาลัยงาช้างสีขาว ใช้เงินไป 3-4 หมื่นบาท ส่วนอุปกรณ์ดั้งเดิมอื่น ๆ ก็มีกระจกกลมชิ้นเล็ก 2 บาน ประตูซึ่งแม้จะเก่าต้องอาศัยจังหวะปิด แต่ก็ยังแข็งแรงดี ทั้งนี้ได้เปลี่ยนเกียร์เป็นระบบอัตโนมัติ (แต่เดิมเป็นเกียร์ธรรมดา) และที่สำคัญตั้งแต่ใช้มา รถไม่เคยเสียเลย
ปกติผมจะขับตอนกลางคืน แล้วเปิดกระจกรับลมจากข้างนอก ที่สำคัญขับแล้วรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปในอดีตตอนเด็ก ๆ
สุดท้ายคุณชูวิทย์ยังให้คำจำกัดความของพาหนะคู่ใจคันโปรด ว่า การใช้รถขอให้พาไปถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยก็โอเคแล้ว.