วันที่ : 25/3/2552 21:30:14

เปิดฉากแล้ว!งาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2009 ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่าง 26 มีนาคม – 6 เมษายน 2552 ณ ศูนย์แสดงสินค้าไบเทค บางนา โดย “ASTV ผู้จัดการมอเตอริ่ง” จะพาไปสำรวจรถใหม่ชนิดถอดด้ามของค่ายต่างๆ ดูซิว่า... จะมีทีเด็ดอะไรบ้าง? ที่สามารถโน้มน้าวใจผู้บริโภคชาวไทย ให้ตัดสินใจกัดฟันควักเงินออกมาถอยป้ายแดง ในยุค “กระเป๋าแบน เข็มขัดรัดแน่น” ได้!

 

โฟล์คฯ พร้อมรบ-พ่วงเฌอรี่ตีตลาดล่าง
       
       หากนับไร้เรียงดูแต่ละยี่ห้อแล้ว ค่ายที่สร้างความฮือฮามากที่สุดในปีนี้ คงต้องยกให้กับการกลับมาของ “โฟล์คสวาเกน” หลังจากเงียบเหงาไปนาน แต่เมื่อกลุ่มยนตรกิจปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่ “วิทิต ลีนุตพงษ์” หอบเอาแบรนด์โฟล์คสวาเกนแยกออกมาลุยเอง ภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มไทยยานยนต์ โดยการกลับมาเขย่าตลาดรถไทยครั้งนี้ นอกจากตัวหลักรถตู้รุ่นคาราเวล ได้มีการเปิดตัวรถใหม่ลุยตลาดพร้อมกันถึง 5 รุ่น
       
       เริ่มกันที่ “โฟล์คสวาเกน พาสสาท ซีซี” ใหม่ (Passat CC) เก๋งหรูขนาดกลางมาแทนรุ่นพาสสาทเดิม ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์ใหม่แนวสปอร์ต ยังพ่วงคำว่า CC ต่อท้าย ที่มากับขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร TSL กำลังสูงสุด 200 แรงม้าเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 2.59 ล้านบาท

 

ตามมาด้วยเก๋งคอมแพ็กต์ “กอล์ฟ” ใหม่ ซึ่งเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 6 ของรถรุ่นนี้ จุดโดดเด่นอยู่เทคโนโลยีมากมาย โดยเฉพาะเรื่องของความปลอดภัย ในรุ่นที่นำเข้ามาทำตลาดเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 1.4 ลิตร TSI กำลังสูงสุด 122 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ DSG ราคา 2.01 ล้านบาท และตามมาด้วยรถแห่งตำนาน “บีทเทิ่ล” ใหม่ (The New Beetle) ที่นำมาให้เลือก 2 รุ่น เครื่องยนต์เบนซิน เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 1.6 ลิตร 102 แรงม้า ราคา 1.78 ล้านบาท และอีกรุ่น 1.8 ลิตร เทอร์โบ 150 แรงม้า 2.15 ล้านบาท
       
       นอกจากนี้โฟล์คสวาเกนยังนำรถเฉพาะกลุ่มอย่าง “ซีรอคโค” (Scirocco) รถสปอร์ตฉีกแนวแบบ 3 ประตู วางเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 200 แรงม้า TSI เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 6 จังหวะ DSG ราคา 2.46 ล้านบาท พร้อมกันนี้ยังมีทางเลือกให้กับผู้ที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์แบบเอสยูวี ด้วยการนำเข้า “ทีกวน” (Tiguan) ซึ่งมีที่มาจาก Tiger + Iguana เป็นรถยนต์อเนกประสงค์แบบเอสยูวี วางเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบแถวเรียง 2.0 ลิตร TDI 140 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ราคา 2.96 ล้านบาท

 ไม่เพียงเท่านั้นกลุ่มไทยยานยนต์ยังรุกหนัก ด้วยการเป็นผู้แทนจำหน่าย “เฌอรี่” รถยนต์แบรนด์ดังจากประเทศจีน และใช้เวทีงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในไทย ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทในเครือ “ไทยเฌอรี่ยานยนต์” ด้วยการนำร่องส่งรถใหม่เขย่าตลาดล่าง 3 รุ่น ประกอบด้วย รุ่น “คิวคิว” (QQ) เครื่องยนต์ 1.1 ลิตร เก๋งขนาดเล็กราคา 3.795-4.225 แสนบาท ซึ่งเป็นรถที่ประกอบในประเทศ
       
       ส่วนอีกสองรุ่นเป็นรถอเนกประสงค์นำเข้าจากประเทศมาเลเซีย  ได้แก่ รุ่นทิกโก้ (Tiggo) ในแบบเอสยูวี(SUV) ขนาด 5 ที่นั่ง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ราคา 7.89-8.25 แสนบาท และนำรุ่น “ครอส” (Cross) รถแบบเอ็มพีวี (MPV) ขนาด 7 ที่นั่ง วางเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร ขณะเดียวกันยังนำคอมแพกต์ซีดานรุ่น เอ3” และรถต้นแบบรุ่น Faira มาโชว์อีกด้วย

บีเอ็มฯ เต็มพิกัด-ครั้งแรกในโลกกับเบนซ์
       
       อีกค่ายที่ขนกันมาแบบเต็มพิกัดชนิดเต็มพื้นที่บูธ เห็นจะเป็นค่ายรถหรูจากเยอรมนีเช่นเดียวกัน “บีเอ็มดับเบิลยู” ที่ปีนี้เดินหน้าวิ่งสู้ฟัดแบบสุดๆ ไม่มีกั๊กอีกต่อไป โดยภายในงานได้มีการนำเข้ารถรุ่นใหม่มาเปิดตัวเพียบ ไฮไลต์อยู่ที่สุดยอดของค่ายใบพัดสีฟ้า “ซีรี่ส์ 7 โฉมใหม่” ซึ่งงานนี้นำเข้ามาพร้อมกัน 2 รุ่น ได้แก่ บีเอ็มดับเบิลยู 750Li เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 407 แรงม้า แต่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเพียง 8.8 กม./ลิตร ราคา ราคา 15.699 ล้านบาท
       
       และอีกรุ่นรองลงมา บีเอ็มดับเบิลยู 740Li เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร แบบ 6 สูบแถวเรียง เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 326 แรงม้า อัตราการประหยัดน้ำมัน 10.0 กม./ลิตร ราคา 12.999 ล้านบาท เท่านั้นไม่พอบีเอ็มดับเบิลยูยังนำสปอร์ตโรดสเตอร์ชื่อดัง “แซด4” ใหม่ (BMW Z4 Roadster) มาเอาใจผู้ชื่นชอบความแรง ด้วยขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร แบบ 6 สูบแถวเรียง กำลังสูงสุด 204 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 11.2 กม./ลิตร

นอกจากนี้บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ยังนำเอารถยนต์ในเครือ “มินิ” มาเอาใจคนวัยมันส์ นำเข้า “มินิ คอนเวิร์ทติเบิ้ล” (MINI Convertible) ที่ไม่เพียงดีไซน์โดนใจในสไตล์มินิ และอารมณ์การขับขี่ที่สนุกเร้าใจสไตล์โกคาร์ทของมินิแล้ว รุ่นนี้ยังมาพร้อมกับแอ็คทีฟโรลบาร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เป็นหนึ่งเดียวในรถคลาสนี้ โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คือ คูเปอร์ เอส คอนเวิร์ทติเบิ้ล ราคา 3.2 ล้านบาท และคูเปอร์ คอนเวิร์ทติเบิ้ล ราคา 2.8 ล้านบาท

ในเมื่อคู่แข่งปีนี้เดินหน้าลุยเช่นนี้ มีหรือที่เจ้าตลาดรถหรู “เมอร์เซเดส-เบนซ์” จะทนนิ่งเฉย และยังตอกย้ำความสำคัญของตลาดรถยนต์ไทยเช่นทุกครั้ง โดยนำเข้าโฉมใหม่ของ “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส คูเป้” หรือ E 350 AVANTGARDE Coupé Sports AMG รุ่นพวงมาลัยขวามาเปิดตัว เพื่อให้ชาวไทยได้ยลโฉมเป็นครั้งแรกของโลก
       
       ทั้งนี้ทีมวิศวกรของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้พัฒนาเครื่องยนต์ V6 จากอี-คลาสรุ่นใหม่ เพิ่มความแรงให้อารมณ์การขับขี่ที่เป็นสปอร์ตให้อี-คลาส คูเป้ ใหม่ ด้วยพละกำลังสูงสุดถึง 272 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที ด้วยแรงบิด 350 นิวตันเมตร ที่ 2,400 – 5,000 รอบ ต่อนาที ทำให้สามารถทำเวลาจาก 0 ถึง100 ในเวลาเพียงแค่ 6.4 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 250 กม./ชม. เคาะราคาที่ 7.999 ล้านบาท

ส่วนกลุ่มยนตรกิจที่ปรับโครงสร้างใหม่ ภายใต้ชื่อ “ยนตรกิจคอร์ปอเรชั่น” เกือบตกขบวนร่วมงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 แต่ก็ยังเกาะขบวนสุดท้ายมาได้ทัน โดยแยกบูธออกไปตั้งเป็นเอกเทศเพื่อโชว์รถยนต์ในเครือ 7 ยี่ห้อ แต่เนื่องจากความฉุกละหุกจึงแทบจะไม่มีรถใหม่เปิดตัวภายในงาน จะมีก็เป็นการแต่งหน้าทาปากเสียส่วนใหญ่
       
       แต่งานนี้มีหรือจะยอมเสียหน้า อย่างน้อยก็มีแบรนด์ “ออดี้” ที่เริ่มรุกตลาดอย่างหนักตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ในการช่วยสร้างความคึกคัก โดยนำเข้ารถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์โมเดลใหม่ “คิว5” (Q5) ซึ่งออกแบบรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต ที่ความแรงจัดจ้านจากขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 TFSI ให้กำลังสูงสุด 211 แรงม้า แรงบิดสูง 350 Nm เริ่มที่ 1,500 รอบต่อนาที โดยอัตราเร่งจาก 0 -100 กม. ภายใน 7.2 วินาที ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากความโดดเด่นของ Quattro ระบบการขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ อันลือชื่อของออดี้ โดยสนนราคาของ ออดี้ คิว5 2.0 TFSI Quattro ได้รับการสนับสนุนพิเศษจากบริษัทแม่ออดี้ เอจี ในราคา 3.49 ล้านบาท

ที่กล่าวมาดูเหมือนจะมีเพียงค่ายยุโรป ที่ต่างขนรถใหม่เข้าร่วมเวทีนี้อย่างคึกคัก ซึ่งก็ต้องยอมรับในตลาดรถหรูค่ายอเมริกัน หรือญี่ปุ่นนับว่าชื่อชั้นยังห่าง แต่ก็ยังมีแบรนด์ “เล็กซัส” ที่แม้จะโดดเดี่ยวก็ยังหาญกล้าแลกหมัดได้แบบไม่หวั่นเกรง รวมถึงตลาดในไทยที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ดังจะเห็นจากการจัดกิจกรรมและแนะนำรุ่นใหม่สู่ตลาด อย่างเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ก็เพิ่งเปิดตัวโฉมใหม่ของเอสยูวีหรู “อาร์เอ็กซ์350” ไปในราคา 5.5 ล้านบาท
       
       ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2009 จึงเป็นทีของฝาแฝด “อาร์เอ็กซ์450เอช” (RX450h) ซึ่งมีรูปลักษณ์และอุปกรณ์ที่เหมือนกัน จะแตกต่างเพียงเป็นเครื่องยนต์ระบบไฮบริดเท่านั้น โดยรถรุ่นนี้ทำตลาดในไทยมาแล้ว เพียงแต่ในโมเดลที่ผ่านมาเรียกว่า อาร์เอ็กซ์400เอช(RX400h) เมื่อโฉมใหม่เปลี่ยนมาเรียกอาร์เอ็กซ์450เอช เพื่อให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลง จึงได้มีการปรับขุมพลังใหม่ ขยายความจุดจาก 3.3 ลิตร เป็น 3.5 ลิตร จับคู่กับมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบ ทำให้มีกำลังเพิ่มเป็น 290 แรงม้า ส่วนสนนราคาคาดว่าจะพุ่งจากตัวธรรมมากพอสมควร
       
       นอกจากนี้เลกซัส ยังนำ IS250 C เวอร์ชันเปิดประทุนหลังคาแข็งพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้ามาเปิดตัว พร้อมรับจองทันทีก่อนส่งมอบได้ช่วงกลางปีนี้

รถตลาดเหงา-‘เทียน่า-อัลติสCNG’ชูโรง
       
       พูดถึงรถญี่ปุ่นแล้ว หากนับเรียงรถใหม่เปิดตัวแล้ว นับว่าเงียบเหงาเป็นอย่างยิ่ง มีก็เพียงไมเนอร์เชนจ์แบบแต่งหน้าทาปาก หรือรุ่นตกแต่งพิเศษเท่านั้น แม้แต่ค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง “โตโยต้า” ที่หากไม่มีในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปปลายปี ต้นปีงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ก็ต้องมีเปิดตัวรุ่นหลักให้ได้ฮือฮากัน แต่คราวนี้มีเพียง “ยาริส” ไมเนอร์เชนจ์ หากไม่สังเกตุให้ดีก็ไม่เห็นความต่าง
       
       อย่างไรก็ตาม โตโยต้าก็ยังคงไว้ลายเจ้าตลาดได้พอสมควร โดยงานนี้จะเปิดตัวเก๋งคอมแพ็กต์ “โคโรลล่า อัลติส ซีเอ็นจี” (Corolla Altis CNG) หรือรุ่นใช้พลังงานก๊าซธรรมชาติ (NGV) สำหรับลูกค้าทั่วไปเสียที หลังจากปล่อยรถสำหรับแท็กซี่ไปตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว
       ทั้งนี้หลักๆ ก็ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ นอกจากกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว กันชนหน้า-หลัง มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ และมีสีให้เลือกหลากหลายสีขึ้น พร้อมกับเปลี่ยนจากล้อเหล็ก 15 นิ้วมา เป็นล้ออัลลอยด์ ขนาด 15 นิ้ว แบบ 7 ก้าน กับราคาเริ่มต้น 7.36 แสนบาท
       
       นับว่าโตโยต้า โคโรลล่า ซีเอ็นจี นับว่าเป็นการมาในจังหวะที่เหมาะสมพอดี เพราะราคาน้ำมันได้มีการทยอยปรับขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนที่ลืมรถยนต์ใช้ก๊าซเอ็นจีวี คงได้กลับมามองอีก

แต่หากที่โดดเด่นจริงๆ ในบรรดารถใหม่ทั้งหมด ในกลุ่มรถตลาดและค่ายรถญี่ปุ่นแล้ว คงต้องยกให้กับ “นิสสัน เทียน่า” โฉมใหม่ ที่เพิ่งเปิดกับสื่อมวลชนไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งมาพร้อมกับรูปลักษณ์และความสะดวกสบายหรูหรามากขึ้น โดยมีให้เลือก 2 รุ่น เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 2.5 ลิตร 6สูบ รหัส VQ25DE ให้กำลังสูงสุด185 แรงม้า ที่มาแทนเครื่องเก่า 2.3 ลิตร และเครื่องยนต์ใหม่อีกรุ่น 2.0 ลิตร 4 สูบ รหัส MR20DE ที่จับคู่กับเกียร์ Xtronic CVT ทำให้สมรรถนะดีขึ้นมาก และประหยัดน้ำมันกว่าเก่า
       
       ไม่เพียงเท่านั้น “นิสสัน” ยังนำสปอร์ตรหัส Z อันลือชื่อ “370Z” ใหม่ มาเปิดตัวสร้างความเร้าใจ กับขุมพลังใหม่ในรหัส VQ37VHR ขนาด 3.7 ลิตร พร้อมระบบวาล์วแปรผันรุ่นไหม ที่เรียกว่า VVEL หรือ Variable Valve Event and Lift โดยเลี้ยงม้าไว้ในครอกถึง 333 ตัว
       
       ว่ากันที่รถสปอร์ตญี่ปุ่นแล้ว ที่แฟนพันธุ์แท้ในไทยมีจำนวนมากอีกรุ่น เห็นจะเป็น “เอ็มเอ็กซ์-5” ใหม่ จากค่าย “มาสด้า” ซึ่งในงานไม่ทำให้สาวกผิดหวัง นำเข้า “MX-5 RHT” สปอร์ตโรดสเตอร์ ที่มาพร้อมหลังคาไฟฟ้า Retractable Hard Top ที่เปิด-ปิดเร็วที่สุดในโลกแค่ 12 วินาที เพียงปลายนิ้วสัมผัส ขณะที่ขุมพลังเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ฟ ยังจัดจ้านด้วยกำลังถึง 160 แรงม้า ขับเคลื่อนกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัจฉริยะ 6 สปีด แบบ Activematic สามารถเปลี่ยนเป็นระบบเกียร์ธรรมดาได้ทันทีเพียงปรับก้านที่พวงมาลัย
       
       สำหรับผู้ที่ชื่นชอบปิกอัพ ในงานรุ่นหลักไม่มีอะไรใหม่ นอกจากการแต่งหน้าทาปากให้ไฉไลขึ้น หรือที่ชัดหน่อยก็เป็น “ฟอร์ด เรนเจอร์” ใหม่ แต่ในงานนี้นี้ก็ยังมีทางเลือกใหม่ จากค่ายรถแดนภารตะ “ทาทา” ที่เริ่มตั้งหลักได้ มียอดขายดีวันดีคืนขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดเปิดตัวปิกอัพรุ่นใหม่ “ทาทา ซีนอน ซิงเกิลแค็บ” หรือรุ่นไม่มีแค็บ ซึ่งนับว่าสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ที่บางคนกำลังหาตัวช่วยในการฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้

ทาทา ซีนอน ซิงเกิลแค็บ เรียกว่ากระบะไจแอนท์ เพราะเป็นปิคอัพตอนเดียวที่มีพื้นกระบะแบนราบแบบ flat load body ไม่มีซุ้มล้อขึ้นมารบกวนพื้นที่การบรรทุกสินค้าในกระบะท้าย ทำให้ใช้ประโยชน์จากเนื้อที่ในกระบะได้อย่างเต็มที่ อีกทั้งกระบะที่เปิดออกได้ทั้ง 3 ด้าน ทำให้การขนถ่ายสินค้าทำได้สะดวกและเพิ่มพื้นที่บรรทุกได้มากยิ่งขึ้น และขุมพลังฉุดลากมาจากเครื่องยนต์ VTT Dicor 2.2 ลิตร ที่ให้กำลังเครื่องยนต์สูงสุด 140 แรงม้า แต่ก็มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันที่ต่ำ ตามสไตล์รถเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรล
       
       เรียก ว่าในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ยังมีรถใหม่ให้เลือกกันได้หลากหลาย หากเทียบกับทุกปีในส่วนรถตลาดอาจะหงอยเหงาไปบ้าง แต่ในวิกฤตยังมีโอกาส... เพราะจะว่าไปถือเป็น โอกาสดีที่ผู้บริโภคจะสามารถซื้อรถได้ภายใต้เงื่อนไขพิเศษแบบสุดๆ (ดูได้จากข่าวแคมเปญ

 

ขอบคุณบทความจากBSN News